ชื่อ-สกุล นายชัยพร เพชรโชคชัย
ตำแหน่ง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ
สังกัด สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบ้านโพธิ์
จังหวัดฉะเชิงเทรา
เบอร์โทรศัพท์ ๐๘๙-๗๕๔๗๒๔๑
เนื้อเรื่อง
แนวทางการบูรณาการกิจกรรมการดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
เศรษฐกิจพอพียง
เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยในการดำรงอยู่และ
ปฏิบัติตนตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับประเทศ เศรษฐกิจพอเพียง
จึงเป็นทางสายกลาง ได้แก่ พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน
และความรู้คู่กับคุณธรรม
• ความพอประมาณ ถ้าตัวเราเองพอใจความต้องการ
ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ทำอะไรไม่สุดโต่ง
ไม่โลภอย่างมาก ตัวเราก็อยู่มีความสุข
• ความมีเหตุผล ถ้าเราทำอะไรด้วยเหตุผล
ประหยัดแต่ไม่ขี้เหนียว ทำอะไรด้วยความอะลุ่มอล่วยกัน ทุกคนจะมีความสุขแต่พอเพียง
• ความมีระบบคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ
ที่เกิดจากจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน เช่นการใช้จ่ายอย่างประหยัด
จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเองและครอบครัว
ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า
• ความรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในนำวิชาการต่าง
ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และตนเองต้องมีสำนึกในคุณธรรม
ความซื่อสัตย์ สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน
ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ
เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
และกว้างขวางด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
แนวทางที่ 1
การดำเนินงานกิจกรรมตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
กิจกรรมที่ 1 การลดรายจ่ายของตนเองและครัวเรือน
ซึ่งการลดรายจ่ายลงจะทำให้มีเงินเหลือจ่ายมากขึ้น ทำให้ตนเองและครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น
โดยต้องดำเนินการดังนี้
1.1 การจัดทำบัญชีครัวเรือน
โดยจัดเป็นทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครัวเรือนเป็นรายวันทุกวัน
สรุปเป็นรายเดือนเพื่อทราบรายรับรายจ่ายของครัวเรือน รายจ่ายที่ฟุ่มเฟือย
รายจ่ายที่ไม่จำเป็น และรายจ่ายที่ควรตัดลง
1.2 การประหยัด ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดและอดออม
เพื่อเป็นหลักประกันในวันข้างหน้า
โดยการออมเงินกับธนาคาร/กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต/กองทุนหมู่บ้าน/สถาบัน
การเงินต่างๆ/กลุ่มอาชีพ/กลุ่มฌาปนกิจฯ
1.3 การลด ละ เลิกอบายมุข
โดยให้ตนเองและสมาขิกครัวเรือน ไม่เสพสิ่งเสพติด ไม่เล่นการพนัน
1.4 การทำของใช้เอง
โดยตนเองและครัวเรือนผลิตของใช้ที่ใช้ในชีวิตประจำวันใช้เอง
เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน เช่น การทำน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม
การทำปุ๋ยน้ำหมัก/ปุ๋ยชีวภาพ/การปลูกใบหม่อน/เลี้ยงไหม/การทอผ้า/ทอเสื่อ
1.5 การทำสวนครัว โดยใช้พื้นที่ว่างบริเวณบ้าน
หรือใช้กระถาง/ภาชนะที่ทิ้งแล้ว หรือปลูกผักแบบแขวน ปลูกผักไว้กินเองในครอบครัว
1.6
การหาเก็บผักข้างทาง/รั้วข้างบ้าน/จากป่า/ท้องไร่ท้องนา/ห้วยหนองคลองบึง
1.7 การเลี้ยงสัตว์ (ไก่,เป็ด/กบ/นกกระทา)และหาสัตว์(หาปลา/ปู/ไข่มดแดง/แมลงที่กินได้
แนวทางที่ 2 การเพิ่มรายได้
เป็นการประกอบเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับตนเองครัวเรือน โดยดำเนินการ ดังนี้
2.1 การปลูกพืชสวนครัวและพืชสวน เช่น ปลูกข่า
ตะไคร้ ใบมะกูด สะระแหน่ พริก ขิง โหระพา ผักบุ้ง ผักชี,แตงกวา,
ผักคะน้า,มะเขือต่างๆ
ถั่วต่างๆ กล้วยต่างๆ (ขายได้ทั้งผลและใบตอง/หัวปลี) ต้นแค (เก็บดอกแค) ต้นชะอม
(เก็บยอดชะอม)
2.2 การหาเก็บพืชผักจากธรรมชาติ เช่น เห็ดต่าง ๆ
หน่อไม้ ผักหวาน ผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักพื้นเมืองต่าง ๆ
2.3 การเลี้ยงสัตว์ เช่นเลี้ยงปลา(ปลาหมอพื้นบ้าน,ปลาดุก,ปลานิล,) กบ นกกระทา
เป็ดไก่ สุกร จิ้งหรีด ไส้เดือน หนอนเลี้ยงนก ตุ๊กแก
2.4 การหาจับสัตว์ เช่น หาปลา กบ อึ่งอ่าง
ไข่มดแดง แมลงต่าง ๆ
2.5 การเพิ่มมูลค่าผลผลิต เข่น
การพับถุงกระดาษขาย การพัฒนารูปแบบบรรจุผลิตภัณฑ์ การแปรรูปอาหาร (ปลาเค็ม,ปลาแดดเดียว,กุ้งเสียบ/มะม่วงกวน,ทะเรียนทอด),ทำน้ำพริกต่างๆ
2.6 การขายเศษของเก่าของใช้แล้ว (ชวดแก้ว
พลาสติก กระดาษ ฯลฯ)
2.7 การค้าขาย
เช่นค้าขายอาหารโดยซื้อแบรนด์แฟรนไชส์ต่างๆ และขายกาแฟโบราณ
2.8 การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น
การทอผ้าไหม/การทอเสื่อกก/ผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก (กระเป๋า,รองเท้าฯลฯ)
2.9 การสมัครเข้ารับการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น
จากหน่วยงานรัฐ ได้แก่ โรงเรียนสารพัดช่าง หน่วยงานเอกขนได้แก่
มูลนิธิลุงขาวไขอาชีพ,หรือจากเอกชนเปิดสอนตามศูนย์การค้าต่างๆทั้งต่าง
จังหวัดและ กทม.
2.10. การรับงานฝีมือจากโรงงานมาทำที่บ้าน
(ติดต่อโรงงานโดยตรง)
2.11
การรับจ้างซักผ้ารีดผ้า/เลี้ยงเด็ก/สอนหนังสือ/สอนภาษา
2.12 การสมัครทำงานในโรงงานและหน่วยงานรัฐ
ช่วงปิดเทอม (สมัครที่โรงงานโดยตรง) และหน่วยงานรัฐ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
(กรมประชาสงเคราะห์เดิม ที่ กทม.)
แนวทางที่ 3 กิจกรรมการเรียนรู้
3.1
การค้นหาและบันทึกภูมิปัญญาท้องถิ่นของหมู่บ้านเช่นการทอเสื่อ,จักสาน.อื่น ๆเพื่อให้ประชานที่สนใจศึกษาเรียนรู้และรักษาต่อไป
3.2
จัดอบรมให้ความรู้การดำเนินงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแก่เยาวชน/กลุ่ม ต่าง ๆ
ในหมู่บ้าน
แนวทางที่ 4 กิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
4.1
จัดกิจกรรมการปลูกต้นไม้ริมถนน/สวนหย่อม/ป่าชุมชนในหมู่บ้าน
4.2 จัดกิจกรรมกลุ่มอนุรักษ์ฯของหมู่บ้าน
4.3 รณรงค์การกจัดขยะทิ้งเป็นที่,จัดที่ทิ้งขยะ/ไม่ทิ้งขยะลงในลำคลอง
แนวทางที่ 5 กิจกรรมการเอื้ออารีต่อกัน
5.1 จัดตั้งกลุ่มฌาปนกิจเพื่อช่วยเหลือค่าทำศพแก่ครัวเรือน
5.2 จัดตั้งกลุ่มสวัสดิการต่างๆ เช่น
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต,กองทุนต่างๆ
5.3 จัดตั้งชมรมต่าง ๆ เช่น ผู้สูงอายุ,เต้นออกกำลังกาย ฯลฯ
แนวทางที่ 6
แสวงหางบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
6.1 การจัดเวทีประชาคมจัดทำแผนชุมชน
เพื่อบรรจุโครงการขอรับการสนับสุนนการ
ดำเนินงานจากหน่วยงานราชการและเอกชน
6.2 ประสานงานโดยตรงกับหน่วยราชการและเอกชน
เพื่อขอรับโครงการสนับสนุนการ
ดำเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
6.3
จัดกิจกรรมหารายได้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานฯ เช่นจัดงานโต๊ะจีน,จัดทำสลาก
รางวัล,ออกงานวัดจัดสอยดาวรางวัล
6.4 ขอรับบริจาคงบประมาณดำเนินงานจากองทุนต่าง ๆ
เช่นกองทุนหมู่บ้าน,กองทุน
พัฒนาบทบาทสตรี และจากประชาชนทั่วไป
แนวทางที่ 7 การรักษามาตรฐานความเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
7.1
การจัดหมู่บ้านให้เป็นศูนย์เรียนรู้ความเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ โดย
รักษา
กิจกรรมหลักไว้/การจัดทำข้อมูลหมู่บ้าน/ข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ
และจัดครัวเรือนตัวอย่างตามกิจกรรมของ
เศรษฐกิจพอเพียง
7.2 การประชุมทบทวนความรู้การดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบแก่ครัวเรือ
เป้าหมายและประชาชนในหมู่บ้านเป็นประจำ (2-3
เดือนครั้ง)
7.3
การส่งเสริมให้กรรมการและครัวเรือนเป้าหมายได้เข้ารับการอบรมความรู้จ่าง ๆของ
หน่วยงานราชการ/เอกชน
7.4
การประเมินตามเกณฑ์ตัวชี้วัดกรมการพัฒนาชุมชน(6 × 2)และประเมินความสุข
มวลรวม (Gross Village Happines : GVH) อย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง
7.5
จัดทัศนศึกษาดูงานการดำเนินงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจากที่อื่น เพื่อ
นำมาปรับปรุงใช้ในหมู่บ้านให้ดียิ่งขึ้นเพื่อเป็นแบบอย่างให้หมู่บ้านอื่นและผู้ที่สนใจ
7.6 จัดกิจกรรมประกวดครัวเรือนดีเด่น
เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างกำลังใจแก่ครัวเรือน
และประชาชนในหมู่บ้าน
7.7 สมัครเข้าร่วมการประกวดหมู่บ้านดีดเด่นต่าง
ๆ ของทุกหน่วยงาน/เอกชน
7.8
การประชาสัมพันธ์การดำเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ โดยประสานนำเสนอผลการดำเนินงานทางสถานีวิทยุชุมชน,หอกระจายข่าวหมู่บ้าน/ตำบล และเสียงตามสาย อื่น ๆ
สรุป การดำเนินกิจกรรมตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ เพื่อช่วยตนเองและครัวเรือนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเป็นหมู่บ้านต้นแบบให้หมู่บ้านอื่นได้นำไปศึกษาเรียนรู้เป็นแบบอย่าง ต้องปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง โดยต้องมีความตั้งใจจริง อดทน การใฝ่หาความรู้จากภายนอกเพื่อนำมาปรับใช้ในครัวเรือน การร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์อย่างต่อเนื่องจะเกิดการพัฒนาตนเอง ครัวเรือน/หมู่บ้าน ให้มีความมั่งคงและยั่งยืนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น