วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีหารายได้แก้จนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

ชื่อ-สกุล           นายชัยพร  เพชรโชคชัย 
ตำแหน่ง           นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ
สังกัด              สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
เบอร์โทรศัพท์     089-7547241 
ชื่อเรื่อง            วิธีหารายได้แก้จนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

เนื้อเรื่อง
สภาวะปัจจุบันที่สินค้าอุปโภค/บริโภคมีราคาแพง ค่าครองชีพสูงขึ้น ประชาชนมีรายได้เท่าเดิม แต่รายจ่ายเพิ่มมากขึ้น ไม่มีเงินเก็บออมเพื่อวางรากฐานการดำรงชีวิตในอนาคต ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีฐานะยากจนลง เกิดการแก่งแย่งการประกอบอาชีพทำกินมากขึ้น ความขัดแย้ง ความเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างอยู่ มุ่งแต่ที่จะเอาตัวรอด ไม่เกิดการพึ่งพา/พึ่งพิงซึ่งกันและกัน ขาดความสามัคคี แตกแยกทางความคิด สังคมสับสนวุ่นวาย ประชาชนส่วนหนึ่งที่อ่อนแอ ไม่สามารถต่อสู่ต่อสภาพความเป็นอยู่ในสังคมปัจจุบันได้ เกิดความท้อแท้สินหวัง เครียด สุขภาพจิตใจแย่ลง อยู่ไปวันวัน ไม่มีอนาคต ไม่มี 

กำลังใจที่จะก้าวเดินต่อสู่ชีวิต ผลร้ายก็จะเกิดแก่ตนเองครอบครัวและประเทศชาติ  ซึ่งเราคงจะไม่ปล่อยให้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น มาเป็นตัวทำลายชีวิตและความเป็นอยู่ของครัวเรือนของเราต่อไป ชีวิตเราต้องกำหนดด้วยตัวเราเอง เราต้องสู่ สู่ชีวิตตราบที่เรายังมีลมหายใจ ถ้าเราไม่สู่เพื่อตัวเราเอง แล้วใครจะมาสู่ชีวิตแทนเรา คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง ถึงเวลาก็ต้องตายจากโลกนี้ไป หนีไม่พ้น อย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว อยู่ให้มีความสุขในช่วงชีวิตนี้ อย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง เรามาสู่ชีวิตด้วยการแก้ไขปัญหาความยากจนของตัวเราเองด้วยการพึ่งพาตนเองมากขึ้น และพึ่งพาคนอื่นน้อยลงทั้งในระดับครัวเรือนและชุมชน โดยการหารายได้แก้จนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยในการดำรงอยู่และปฏิบัติตนตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับประเทศ เศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นทางสายกลาง ได้แก่ พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และความรู้คู่กับคุณธรรม
  • ความพอประมาณ ถ้าตัวเราเองพอใจความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ทำอะไรไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก ตัวเราก็อยู่มีความสุข
  • ความมีเหตุผล ถ้าเราทำอะไรด้วยเหตุผล ประหยัดแต่ไม่ขี้เหนียว ทำอะไรด้วยความอะลุ่มอล่วยกัน ทุกคนจะมีความสุขแต่พอเพียง
  • ความมีระบบคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ ที่เกิดจากจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน เช่นการใช้จ่ายอย่างประหยัด จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเองและครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า
  • ความรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และตนเองต้องมีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกว้างขวางด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
วิธีการหารายได้เพื่อแก้จนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง มี 2 แนวทาง
แนวทางที่ 1 การลดรายจ่ายของตนเองและครัวเรือน ซึ่งการลดรายจ่ายลงจะทำให้มีเงินเหลือจ่ายมากขึ้น ทำให้ตนเองและครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยต้องดำเนินการดังนี้
  • การจัดทำบัญชีครัวเรือน โดยจัดเป็นทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครัวเรือนเป็นรายวันทุกวัน สรุปเป็นรายเดือนเพื่อทราบรายรับรายจ่ายของครัวเรือน รายจ่ายที่ฟุ่มเฟือย รายจ่ายที่ไม่จำเป็น และรายจ่ายที่ควรตัดลง
  • การประหยัด  ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดและอดออม เพื่อเป็นหลักประกันในวันข้างหน้า โดยการออมเงินกับธนาคาร/กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต/กองทุนหมู่บ้าน/สถาบันการเงินต่างๆ/กลุ่มอาชีพ/กลุ่มฌาปนกิจฯ
  • การลด ละ เลิกอบายมุข โดยให้ตนเองและสมาขิกครัวเรือน ไม่เสพสิ่งเสพติด ไม่เล่นการพนัน
  • การทำของใช้เอง โดยตนเองและครัวเรือนผลิตของใช้ที่ใช้ในชีวิตประจำวันใช้เอง เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน เช่น การทำน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม การทำปุ๋ยน้ำหมัก/ปุ๋ยชีวภาพ/การปลูกใบหม่อน/เลี้ยงไหม/การทอผ้า/ทอเสื่อ
  • การทำสวนครัว โดยใช้พื้นที่ว่างบริเวณบ้าน หรือใช้กระถาง/ภาชนะที่ทิ้งแล้ว หรือปลูกผักแบบแขวน ปลูกผักไว้กินเองในครอบครัว
  • การหาเก็บผักข้างทาง/รั้วข้างบ้าน/จากป่า/ท้องไร่ท้องนา/ห้วยหนองคลองบึง
  • การเลี้ยงสัตว์ (ไก่,เป็ด/กบ/นกกระทา)และหาสัตว์(หาปลา/ปู/ไข่มดแดง/แมลงที่กินได้

แนวทางที่ 2 การเพิ่มรายได้ เป็นการประกอบเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับตนเองครัวเรือน โดยดำเนินการ ดังนี้
  • การปลูกพืชสวนครัวและพืชสวน เช่น ปลูกข่า ตะไคร้ ใบมะกูด สะระแหน่ พริก ขิง โหระพา  ผักบุ้ง ผักชี,แตงกวา,ผักคะน้า,มะเขือต่างๆ ถั่วต่างๆ กล้วยต่างๆ (ขายได้ทั้งผลและใบตอง/หัวปลี) ต้นแค (เก็บดอกแค) ต้นชะอม (เก็บยอดชะอม)
  • การหาเก็บพืชผักจากธรรมชาติ เช่น เห็ดต่าง ๆ หน่อไม้ ผักหวาน ผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักพื้นเมืองต่าง ๆ
  • การเลี้ยงสัตว์ เช่นเลี้ยงปลา(ปลาหมอพื้นบ้าน,ปลาดุก,ปลานิล,) กบ นกกระทา เป็ดไก่ สุกร จิ้งหรีด ไส้เดือน หนอนเลี้ยงนก ตุ๊กแก
  • การหาจับสัตว์ เช่น หาปลา กบ อึ่งอ่าง ไข่มดแดง แมลงต่าง ๆ
  • การเพิ่มมูลค่าผลผลิต เข่น การพับถุงกระดาษขาย การพัฒนารูปแบบบรรจุผลิตภัณฑ์ การแปรรูปอาหาร (ปลาเค็ม,ปลาแดดเดียว,กุ้งเสียบ/มะม่วงกวน,ทะเรียนทอด),ทำน้ำพริกต่างๆ 
  • การขายเศษของเก่าของใช้แล้ว (ชวดแก้ว พลาสติก กระดาษ ฯลฯ)
  • การค้าขาย เช่นค้าขายอาหารโดยซื้อแบรนด์แฟรนไชส์ต่างๆ และขายกาแฟโบราณ
  • การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น การทอผ้าไหม/การทอเสื่อกก/ผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก (กระเป๋า,รองเท้าฯลฯ)
  • การสมัครเข้ารับการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น จากหน่วยงานรัฐ ได้แก่ โรงเรียนสารพัดช่าง หน่วยงานเอกขนได้แก่ มูลนิธิลุงขาวไขอาชีพ,หรือจากเอกชนเปิดสอนตามศูนย์การค้าต่างๆทั้งต่างจังหวัดและ กทม.
  • การรับงานฝีมือจากโรงงานมาทำที่บ้าน (ติดต่อโรงงานโดยตรง)
  • การรับจ้างซักผ้ารีดผ้า/เลี้ยงเด็ก/สอนหนังสือ/สอนภาษา
  • การสมัครทำงานในโรงงานและหน่วยงานรัฐ ช่วงปิดเทอม (สมัครที่โรงงานโดยตรง) และหน่วยงานรัฐ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (กรมประชาสงเคราะห์เดิม ที่ กทม.)
สรุป  การหารายได้เพื่อแก้จนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อช่วยตนเองและครัวเรือนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั้น ต้องปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง โดยตนเองต้องมีความตั้งใจจริง อดทน และอย่าท้อแท้ อย่ามัวแต่เดี๋ยวทำ เดี๋ยวทำ ก็จะมีแต่เดี๋ยว ไม่มีทำ ไม่มีการเริ่มลงมือ ขอให้เริ่มทำ เริ่มจากหนึ่ง ไปสอง สามสี่จะตามมา ผลสำเร็จตามความคาดหวังรออยู่ข้างหน้าด้วยความภูมิใจที่ไม่เสียชาติเกิด สมดังสุภาษิต ที่ว่าไว้นี้
               อย่านอนตื่นสาย อย่าหน่ายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น