ชื่อ
–
นามสกุล นางศศิฉาย สุคนธฉายา
ตำแหน่ง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ
สังกัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดฉะเชิงเทรา
เบอร์โทรศัพท์ 08-1349-9697
ชื่อเรื่อง สุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน
ขจัดสิ้นปัญหายาเสพติด
เนื้อเรื่อง
กองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นกองทุนที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
โดยเงินนี้เสมือนเป็นเงินขวัญถุงพระราชทาน ถือเป็นเงินที่มีความศักดิ์สิทธิ์จะต้องคงอยู่
จังหวัดฉะชิงเทราได้ดำเนินการเมื่อปี ๒๕๔๘–๒๕๕3
จำนวน ๑54 กองทุน เงินทุนพระราชทาน 5,294,038 บาท
กรมการพัฒนาชุมชน มีการประเมินสถานการณ์เพื่อการพัฒนากองทุนแม่ของแผ่นดิน
โดยการตรวจสุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน เพื่อจัดระดับสุขภาพของกองทุนแม่ของแผ่นดิน 3
ระดับ คือ ระดับ A (คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 80) หมายถึง
กองทุนแม่ของแผ่นดินเข้มแข็ง หมู่บ้าน/ชุมชนมีระบบเฝ้าระวังอย่างยั่งยืน
สามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ ระดับ B (คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 50 แต่ไม่ถึงร้อยละ 80) หมายถึง
กองทุนแม่ของแผ่นดินเข้มแข็ง หมู่บ้าน/ชุมชนมีระบบเฝ้าระวัง
หากได้รับการพัฒนาศักยภาพในบางด้านจะสามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ได้ และระดับ C (คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 50) กองทุนแม่ของแผ่นดินที่ต้องมีการปรับปรุง
ซึ่งมีตัวชี้วัดการประเมินสถานการณ์พัฒนากองทุนแม่ของแผ่นดิน
ดังนี้
1)การบริหารจัดการกองทุนแม่ของแผ่นดิน จำนวน 5 ตัวชี้วัด 2)การบริหารเงินกองทุนแม่ของแผ่นดิน จำนวน 4 ตัวชี้วัด 3)การดำเนินงานด้านยาเสพติด จำนวน 6 ตัวชี้วัด 4)การเสริมสร้างความเข้มแข็งของกองทุนแม่ของแผ่นดิน
จำนวน 4 ตัวชี้วัด
กระบวนการรวบรวมองค์ความรู้
การดำเนินงาน 9 ขั้นตอนสร้างชุมชนเข้มแข็งเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด
ขั้นตอนที่ 1 : คัดเลือกชุมชนเป้าหมาย
เน้นพื้นที่ซึ่งประชาชนค่อนข้างพร้อมที่จะมีส่วนร่วมเพื่อจัดตั้งเป็นชุมชนเข้มแข็งตัวอย่างกรณีมีชุมชนตัวอย่างอยู่แล้ว
ก็ใช้เป็นชุมชนต้นแบบให้กับชุมชนอื่น ๆ ต่อไป ในรูปแบบของศูนย์การเรียนรู้ ดูงาน หรืออาจสนับสนุนให้แกนนำชุมชนเข้มแข็งดังกล่าวพัฒนาบทบาทเป็นวิทยากรกระบวนการเพื่อขยายแนวทางไปสู่ชุมชนอื่น
ๆ
ขั้นตอนที่ 2 : สืบสภาพชุมชน
เป็นการศึกษารวบรวมข้อมูลที่สำคัญของชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ
เพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม ผู้คน สังคม เศรษฐกิจ ขนบธรรมเนียมประเพณีและปัญหาของชุมชนโดยสังเขป ซึ่งนอกจากการพบปะพูดคุยกับชาวบ้านตามครัวเรือนแล้ว
วิทยากรกระบวนการอาจอาศัยโอกาสต่าง ๆ เพื่อเปิดเวทีย่อย เพื่อเผยแพร่แนวคิดแนวทางว่า
“มาตรการปราบปรามเพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขปัญหา ยาเสพติดในชุมชนได้” จำเป็นต้องอาศัยพลังสามัคคีจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเพื่อดูแลชุมชนของคนเอง”
ขั้นตอนที่ 3 : คัดเลือกชุมชนเป้าหมาย
เน้นพื้นที่ซึ่งประชาชนค่อนข้างพร้อมที่จะมีส่วนร่วมเพื่อจัดตั้งเป็นชุมชนแนวทางให้กับผู้นำชุมชน โดยเฉพาะ “การเน้นบทบาทของผู้นำธรรมชาติ แต่ไม่ได้มองข้ามความสำคัญของผู้นำทางการ
ซึ่งต้องประสานสอดคล้องกัน” เพราะในขณะที่ผู้นำทางการเหมาะสมที่จะเป็นผู้ประสานที่ดีระหว่างชุมชนกับหน่วยราชการ
ผู้นำธรรมชาติซึ่งมาจากศรัทธาของชาวบ้านจะสามารถสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนอย่างแท้จริงจึงเหมาะสมที่จะเป็นแกนหลักขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็ง
ขั้นตอนที่ 4 : เลือกผู้นำธรรมชาติ
(เวทีประชาคมครั้งแรก) เป็นการจัดเวทีประชาคมครั้งแรก
เพื่อให้ชาวบ้านคัดเลือก “คณะผู้นำธรรมชาติ” ของชุมชน โดยควรมีครัวเรือนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 มาร่วมประชุม เพื่อเป็นเสียงส่วนใหญ่ของชุมชนอย่างแท้จริง วิทยากรกระบวนการจะต้องตอกย้ำความเข้าใจถึงแนวทางการสร้างชุมชนเข้มแข็งให้กับชาวบ้าน จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการคัดเลือกโดยมีหลักการคือ “เป็นคนในชุมชนที่ชาวบ้านนับถือ
ศรัทธาหรือหวังพึ่งยามทุกข์ยาก ซึ่งต้องไม่ใช่ผู้นำทางการ ข้าราชการหรือนักการเมืองท้องถิ่น”
ด้วยวิธีการใช้แบบสอบถาม 10 ข้อ เพื่อครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ อย่างครบถ้วน สาระสำคัญคือหากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหรือมีปัญหาต่าง ๆ จะไปปรึกษาใคร ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะเป็น “ประธานชุมชนเข้มแข็ง” ส่วนที่ได้คะแนนรองลงไปก็เป็นกรรมการใน
“คณะกรรมการชุมชนเข้มแข็ง” จำนวนกรรมการขึ้นอยู่กับขนาดของชุมชนและขนาดของปัญหายาเสพติด
โดยใช้สัดส่วนของกรรมการต่อครัวเรือน 1 : 2 ถึง 1 : 5
เพื่อให้สามารถดูแลชุมชนได้อย่างทั่วถึง
ขั้นตอนที่ 5 : รณรงค์ประชาสัมพันธ์ การสร้างชุมชนเข้มแข็งนั้นจำเป็นต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมของคนส่วนใหญ่ในชุมชนและด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกันทั้งผู้เสพ-ผู้ค้า-ชาวบ้านทั่วไป จึงต้องใช้ “สันติวิธีในการทางาน” เพื่อไม่ให้กระทบกระทั่งบาดหมางกัน
ดังนั้นหลักสำคัญของการรณรงค์ประชาสัมพันธ์คือให้ทุกครัวเรือนเข้าใจแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดและขยายความร่วมมือของชาวบ้านมาเป็นแนวร่วมดำเนินการให้มากที่สุด
โดยสร้างความเข้าใจว่าคณะกรรมการไม่ได้มุ่งที่จะต่อต้านใคร แต่จะช่วยเหลือให้โอกาสทุกคนเพื่อสร้างความสุขความเจริญให้กับชุมชน
ขั้นตอนที่ 6 : คัดแยกผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (เวทีประชาคมครั้งที่ 2) ด้วยแนวคิดที่ว่า “ปัญหายาเสพติดอยู่ที่ผู้เสพและผู้ค้า โดยผู้เสพเป็นฐานให้แก่ผู้ค้าหากไม่มีผู้เสพ
ผู้ค้าก็อยู่ไม่ได้” กรรมการแต่ละคนจึงสอดส่องดูแลเครือข่ายบ้านที่ตนรับผิดชอบว่าผู้ใดเป็นผู้เสพ-ผู้ค้า-ผู้ผลิต รวมทั้งที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย
แต่จะไม่ใช้วิธีกดดันหรือกระทำการใด ๆ ต่อบุคคลดังกล่าว เช่น ตรวจปัสสาวะหรือการค้นบ้าน
เพื่อไปสู่กระบวนการ “คัดแยกผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดในชุมชน”
ซึ่งอาศัยหลักการ
“คัดแยกเพื่อให้การช่วยเหลือมิใช่เพื่อนำมาลงโทษ” การใช้คณะกรรมการในสัดส่วนที่ดูแลทุกครัวเรือนได้ทั่วถึง ทำให้มีความสามารถที่จะคัดแยกทั้งชุมชนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
วิธีการคือคณะกรรมการจัดประชุมและให้กรรมการ แต่ละคนกรอกชื่อที่ได้มาลงในแบบสอบถามแล้วหย่อนลงกล่องกระดาษเพื่อไม่ให้รู้ว่ากรรมการคนไหนกรอกชื่อใคร
เมื่อครบแล้วจึงเปิดกล่องนำทั้งหมดมาพิจารณาร่วมกันเพื่อจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในชุมชน
ขั้นตอนที่ 7 : การรับรองครัวเรือน (เวทีประชาคมครั้งที่ 3) เป็นการประชุมเพื่อรับรองครัวเรือนซึ่งแยกบัญชีไว้ว่าไม่มีสมาชิกอยู่ในรายชื่อผู้มีพฤติการณ์
โดยคณะกรรมการอ่านรายชื่อของสมาชิกแต่ละครัวเรือน หากครัวเรือนใดไม่ได้รับเสียงรับรองเป็นเอกฉันท์ ก็นำรายชื่อผู้เกี่ยวข้องหรือต้องสงสัยไปปรับเพิ่มในบัญชีผู้มีพฤติการณ์
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าครอบครัวนั้นไม่ดี แต่เป็นการรอตรวจสอบให้มั่นใจแล้วค่อยรับรองในโอกาสต่อไป
ขั้นตอนที่ 8 : ใช้มาตรการทางสังคม เป็นขั้นตอนการดำเนินการต่อผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งจะได้วิธีโน้มน้าวชักจูงทั้งผ่านสื่อรณรงค์และการพบปะของคณะกรรมการเพื่อให้บุคคลเหล่านั้นมาแสดงตัวเพื่อประกาศว่าจะเลิกเสพเลิกค้า
ด้านผู้มีพฤติกรรมเมื่อถูกกดดันจากสังคม ก็จะเริ่มทยอยมาแสดงตัวกลับใจ
กรณีที่เป็นผู้เสพก็จะมีการบาบัดรักษาตามความจำเป็นและความเหมาะสมของแต่ละรายไป
สังคมชุมชนมีบทบาทในการสอดส่องดูแลช่วยเหลือให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจึงเป็นระบบ “ควบคุมพฤติกรรม แต่ไม่ควบคุมตัว” หัวใจสำคัญของการช่วยเหลือผู้เสพก็คือ
บรรยากาศความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในชุมชนและครอบครัว ผู้เสพจำนวนมากมีอาการดีขึ้นด้วยการบำบัดทางการแพทย์
แต่สามารถเลิกยาได้เด็ดขาดด้วยการบำบัดของชุมชนดังกล่าว
ขั้นตอนที่ 9 : รักษาสถานะชุมชนเข้มแข็ง
เป้าหมายสูงสุดของการสร้างชุมชนเข้มแข็งเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่ได้ อยู่ที่การทำให้ชุมชนปลอดยาเสพติดอย่างรวดเร็ว
หากแต่เป็นการทำให้ชุมชน ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน ดังนั้น บทบาทของคณะกรรมการชุมชนเข้มแข็งจึงต้องเป็นแกนนำในการระดมความร่วมมือร่วมใจของทุกคนในชุมชนเพื่อช่วยกันสอดส่อง
เฝ้าระวังป้องกันไม่ให้ยาเสพติดหวนกลับมาอีกโดยการประชุมประชาคมเพื่อรับรองครัวเรือนปลอดภัยยาเสพติดเป็นประจาทุกเดือน
รวมทั้งต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนในด้านต่าง
ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิคุ้มกันยาเสพติดระยะยาวและเป็นการรักษาสถานะชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
เนื้อหาองค์ความรู้และการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน
จังหวัดฉะเชิงเทรา
1.
กองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดฉะเชิงเทรา
กองทุนแม่ของแผ่นดิน
เริ่มดำเนินการเมื่อปี ๒๕๔๘–๒๕๕๒ จำนวน
๑๓๓ กองทุน เงินทุนพระราชทานจำนวน
๑,๐๘๘,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านแปดหมื่นแปดพันบาทถ้วน) และปี ๒๕๕๓ จำนวน ๒๑
หมู่บ้าน และคัดเลือกกองทุนแม่ดีเด่นจำนวน ๑ หมู่บ้าน เงินทุนพระราชทาน ทั้งสิ้น
4,206,038 บาท ปัจจุบันมีกองทุนแม่ของแผ่นดิน
จำนวน 154 กองทุน เงินทุนพระราชทานทั้งสิ้น 5,294,038 บาท มีสมาชิก 13,852 คน
เงินทุนทั้งหมด 8,596,666
บาท
2. ผลการประเมินสถานะเพื่อการพัฒนากองทุนแม่ของแผ่นดิน
การประเมินสถานการณ์เพื่อการพัฒนากองทุนแม่ของแผ่นดิน
โดยการตรวจสุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน เพื่อจัดระดับสุขภาพของกองทุนแม่ของแผ่นดิน 3
ระดับ คือ
ระดับ A
(คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 80) หมายถึง กองทุนแม่ของแผ่นดินเข้มแข็ง
หมู่บ้าน/ชุมชนมีระบบเฝ้าระวังอย่างยั่งยืน สามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ จำนวน 41 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 26.72
ระดับ B (คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 50 แต่ไม่ถึงร้อยละ 80) หมายถึง
กองทุนแม่ของแผ่นดินเข้มแข็ง หมู่บ้าน/ชุมชนมีระบบเฝ้าระวัง
หากได้รับการพัฒนาศักยภาพในบางด้านจะสามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ได้ จำนวน 70 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 45.46
ระดับ C (คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 50) กองทุนแม่ของแผ่นดินที่ต้องมีการปรับปรุง
จำนวน 43 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 27.92
3. การสร้างศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน
ให้เป็นแบบอย่างการพัฒนาและการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน การดำเนินงานศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน
ในการคัดเลือกหมู่บ้าน/ชุมชน ที่มีความพร้อมเข้ารับพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดิน
สำนักงาน ป.ป.ส. ให้จังหวัดคัดเลือกหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น
ที่ได้รับกองทุน และมีผลการดำเนินงานที่มีความโดดเด่น สามารถเป็นต้นแบบให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชนอื่น
จังหวัดละ 1 หมู่บ้าน และได้รับพระราชทานเงินขวัญถุงเพิ่มอีกจำนวน 8,000 บาท
โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550
จนถึงปัจจุบันมีกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น จำนวน 4 กองทุน
4. การเสริมสร้างความมั่นคงให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน
จังหวัดฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา
ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน
ในการขับเคลื่อนงานเสริมสร้างความมั่นคงให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน
โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จาก ปปส.ภ.2 ดังนี้
1. อบรมวิทยากรกระบวนการชุมชนเข้มแข็งด้วยกระบวนการ
9 ขั้นตอน ให้กับตำรวจชุดมวลชน 18 สถานี จำนวน 65 คน เพื่อให้วิทยากรฯตำรวจ
ได้ลงพื้นที่เพื่อดำเนินการเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
2. การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน
เพื่อดำเนินการจัดกิจกรรม 3 เวที ดังนี้
เวที 1 การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน
ปี 2555 กลุ่มเป้าหมายคือ
หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินที่ได้รับพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ปี 2553 จำนวน
21 หมู่บ้าน
เวที 2 การถอดบทเรียนหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน (ปี
2548–2552) กลุ่มที่พึ่งพาตนเองและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้
ลำดับที่ 1–30 สรุปคุณค่าของกองทุนแม่ของแผ่นดิน และจับคู่หมู่บ้าน 30 คู่
(ลำดับที่ 31-60) ดังนี้ 1)บทเรียนที่ 1 ระบบการบริหารกองทุนแม่ของแผ่นดิน 2)บทเรียนที่ 2 รูปแบบ/วิธีการเอาชนะยาเสพติดด้วนสันติวิธี 3)บทเรียนที่ 3
การใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาพื้นฐานที่เป็นความเดือดร้อนอื่น
เวที 3 การเสริมสร้างความเข้มแข็งหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน
(หมู่บ้านที่เหลือ) ด้วยแนวทาง ดังนี้ 1) ซ่อมฐานให้เข้มแข็งด้วยกระบวนการ
9 ขั้นตอน สู่การพึ่งพาและแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยสันติวิธี 2) พัฒนาสู่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนเข้มแข็ง ประกอบด้วย สถานที่ กระบวนการทำงาน
ประสบการณ์เอาชนะยาเสพติดด้วยสันติวิธี สรุปบทเรียนทำเป็นสื่อครูชาวบ้าน กลุ่มเป้าหมาย
คือ หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่เหลือ 73 หมู่บ้าน
5. ปัจจัยความสำเร็จของการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน
จังหวัดฉะเชิงเทรา มาจากประเด็นที่สำคัญ 4 ประการ ดังนี้
1) ผู้ริเริ่ม
(วิทยากรกระบวนการ) เริ่มต้นของแนวคิดการทำงาน การขับเคลื่อนกระบวนการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาจากแนวคิดของภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
ทำให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างชัดเจน และมีประสิทธิภาพ
2) ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง แกนนำภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง
3) กระบวนการการมีส่วนร่วม
ความสำเร็จอย่างยั่งยืนย่อมไม่ฝากไว้ในมือของใครผู้ใดผู้หนึ่ง แต่ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในแก้ไขปัญหายาเสพติด
ทั้งภาคราชการ ภาคราชการนับเป็นปัจจัยสำคัญ ในการคุ้มครองส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนากำลังความสามารถในการช่วยเหลือดูแลชุมชนของตนเอง
และภาคประชาชน ทั้งคณะกรรมการกองทุน ผู้นำธรรมชาติ ฯลฯ
โดยเฉพาะวิทยากรกระบวนการภาคประชาชน
ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน
4) การใช้แนวคิดพึ่งพาตนเอง
ประชาชนในชุมชนเป็นหลักในการดำเนินงานในลักษณะของชุมชน “ชุมชนดูแลชุมชน” ไม่มัวรอความช่วยเหลือจากภายนอก แต่ความพร้อมจะลงมือคิด ลงมือทำ และร่วมมือกับทุกฝ่าย ไม่มีใครรู้ปัญหาในชุมชนได้ดีไปกว่าคนในชุมชนเอง ประชาชนต้องช่วยกัน เป็นหู
เป็นตา กล้าคิด กล้าเสนอปัญหา กล้าพูดความจริง เพื่อให้รู้ปัญหาที่แท้จริงจะได้แก้ไขตรงจุด
เน้นการดาเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหามากกว่าการทำงานเพียงให้เกิดกิจกรรมขึ้นมา หากมีผู้เสพ
ผู้ค้า อยู่ในชุมชนต้องดำเนินงานลดจำนวนผู้เสพผู้ค้าอย่างมีเป้าหมายชัดเจนสามารถวัดผลได้
5) การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ใช้สติแก้ปัญหาด้วยหลัก “พลังแผ่นดิน” ซึ่งจะต้องเกิดจากความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน รู้จักการให้อภัย ให้โอกาสแก่ผู้ผิดพลาด ให้ความเข้าใจช่วยเหลือ
ดูแลซึ่งกันและกัน
6) ความต่อเนื่องของกิจกรรม
เพื่อความแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานควรมีความต่อเนื่อง
มีการประชุมประชาชนเป็นประจำ เพื่อเป็นเวทีในการติดตามแก้ไขปัญหายาเสพติด และหยิบยกปัญหาเดือดร้อนอื่นๆ
ของชุมชนมาร่วมกันพิจารณา เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
ผลการนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้
(นำไปใช้แล้วมีผลอะไรเกิดขึ้นบ้าง)
การแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ตามแนวทางการสร้างความยั่งยืนของการแก้ไขปัญหา ยาเสพติดถือเป็นแนวทางเดียวกับการเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง
เพราะถ้าชุมชนเข้มแข็ง ยาเสพติดก็จะอยู่ในชุมชนนั้นได้ยาก ซึ่งจะต้องทำในหลายเรื่องพร้อมกัน
ที่สำคัญ ได้แก่
1) ภาคราชการให้ความสำคัญอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
2) ต้องมีการกระตุ้นจิตสำนึก ไม่ให้สมาชิกลืมว่าเราต้องช่วยกันแก้ไขปัญหายาเสพติดและพัฒนาชุมชนในด้านอื่น
ๆ ตลอดไปไม่ใช่ปัญหายาเสพติดมันก็พร้อม จะกลับมาทุกเมื่อ
3) แกนนำมีความเข้มแข็งและจริงจัง
4) มีกระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะกระบวนการค้นหาปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาโดยเชื่อมโยงกับปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชุมชนและแก้ไขโดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้
5) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดูแลคนและปัญหาของตนเอง
6) การสร้างเครือข่ายชุมชน
โดยเราต้องชักชวนชุมชนอื่นให้มาร่วมกระบวนการแก้ไขปัญหาด้วยกัน ไม่เช่นนั้นถ้าชุมชนเราทำ
แต่ชุมชนข้าง ๆ ไม่ทำ ชุมชนนั้นก็จะเป็นแหล่งระบาดของยาเสพติดแทนที่และก็กลับเข้ามาสู่ชุมชนเราทันทีเมื่อชุมชนเราอ่อนแอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น