ชื่อ
– นามสกุล นายชูชาติ เอี่ยมวิจิตร์
ตำแหน่ง
พัฒนาการอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
(นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ)
สังกัด
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
เบอร์โทรศัพท์ 089 -
9841207,
081 - 8198924
ชื่อเรื่อง คนจนผู้ยิ่งใหญ่
เป็นการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ ความมั่นคงของเงินทุนชุมชน
แก้ไขปัญหาความยากจน(กข.คจ)
เหตุเกิดเมื่อ
ปี พ.ศ. 2552
สถานที่ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา
เนื้อเรื่อง
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโดยการแก้ไขปัญหาความยากจน
(ตามมติ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2517)
เพื่อกระจายโอกาสให้คนยากจนในครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ความจำเป็นพื้นฐาน
(จปฐ.) ได้มีแหล่งเงินทุนในระดับหมู่บ้านสำหรับไปประกอบอาชีพ
หรือขยายกิจการอาชีพของตน เพื่อเพิ่มรายได้ให้พ้นเกณฑ์ความจำเป็นพื้นฐาน
และมีคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยสนับสนุนงบประมาณจัดตั้งเป็นเงินตามโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนระดับหมู่บ้าน
จำนวนหมู่บ้านละ 280,000 บาท (สองแสนแปดหมื่นบาทถ้วน)
ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว
โดยควบคุมดูแล และตรวจสอบการใช้เงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งงบประมาณ
และระเบียบของทางราชการ
ในการนี้
ได้กำหนดระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบริหารและการใช้จ่ายเงินโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ. 2536
และได้แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบริหาร และการใช้จ่ายเงินโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ.
2553 (ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้)
โครงการนี้เป็นที่ทราบโดยทั่วไปเราเรียกกันโดยย่อว่า โครงการ กข.คจ.
นั่นเอง ตามระเบียบฯ ได้กำหนดให้เงินโครงการ กข.คจ.
เป็นเงินโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน ประจำหมู่บ้านโดยอยู่ในความรับผิดชอบการบริหารของคณะกรรมการ
กข.คจ. หมู่บ้าน
หมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่
อ.บางน้ำเปรี้ยว เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ได้รับงบประมาณโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน
(กข.คจ.) มีคณะกรรมการ กข.คจ. หมู่บ้านเป็นผู้บริหารซึ่งระเบียบฯ
กำหนดให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานคณะกรรมการฯ เหตุเกิดขึ้นสมัยที่ตัวของข้าพเจ้าได้รับตำแหน่งเป็นพัฒนาการอำเภอบางน้ำเปรี้ยว
ปี พ.ศ. 2547
โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นโครงการที่หน่วยงานพัฒนาชุมชนต้องติดตามสนับสนุน
การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและจากการตรวจติดตามปรากฏว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีปัญหาด้านการบริหารงบประมาณโครงการ
กข.คจ. (งบประมาณ 280,000) กว่าจะรู้ว่ามีปัญหาต้องใช้เวลาหลายเดือน
เพราะอะไรหรือ?
ประการแรก
มาจากเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน (พัฒนากร)
ที่รับผิดชอบตำบลนี้ย้ายบ่อยเปลี่ยนเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอยู่เป็นประจำทำให้การติดตามไม่ต่อเนื่อง
ประการที่ 2 คณะกรรมการบริหารกองทุน กข.คจ.
ระดับหมู่บ้านไม่มีการประชุมกันอย่างจริงจังใช้ลักษณะการประชุมแบบเวียนขอมติ/แจ้งให้ทราบโดยประธานเป็นผู้ดำเนินการเองภายในครอบครัวเมื่อเจ้าหน้าที่พัฒนากรนัดประชุมก็จะเบี่ยงบ่ายว่าคณะกรรมการฯ
ส่วนใหญ่ติดภารกิจไม่ว่างมาประชุมบางครั้งเจ้าหน้าที่พัฒนากร เข้าไปประชุมก็บอกว่านัดแล้วกรรมการไม่มาเอง
ประการที่ 3 สมาชิกโครงการ
กข.คจ. ไม่ทราบความเคลื่อนไหวของการบริหารงานคณะกรรมการ กข.คจ.
หมู่บ้านส่งเงินให้ประธานแล้วก็แล้วกันพอจะยืมเงินใหม่ก็ได้รับการปฏิเสธจากประธานว่า
ขณะนี้มีสมาชิกบางรายไม่ส่งเงินคืน ทางอำเภอ (สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ)
จึงให้ระงับการให้ยืมเงินและเรียกเงินทุนโครงการ กข.คจ. ส่งคืนทั้งหมด
และสาเหตุอีกประการหนึ่งคือ
ประการที่ 4 ไม่มีการเรียกสมาชิกโครงการ กข.คจ.
ทั้งหมดประชุมใหญ่เลยหลายปีมาแล้ว เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้แล้วจึงเริ่มต้นติดตามการดำเนินงานใหม่โดยเริ่มจากการเข้าพบสมาชิกโครงการ กข.คจ. บางคนเก็บข้อมูลและเข้าพบกรรมการ
กข.คจ. หมู่บ้าน บางคนผลที่ได้ตรงกันตามประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้น
ขณะเดียวกันในช่วงนั้นประธานกองทุนหมู่บ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) ครบกำหนดเกษียณอายุ
มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทนผู้ใหญ่บ้านคนเก่า
ดังนั้นตำแหน่งประธานคณะกรรมการ กข.คจ.
หมู่บ้านจึงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านคนใหม่เข้ามาบริหารแทน (ตามระเบียบฯ
เดิม) ปรากฏว่าประธานคนเก่าไม่มอบหมายงานให้คนใหม่
กองทุนหมู่บ้านก็บริหารงานต่อไปไม่ได้ เรื่องจึงต้องถึงอำเภอให้เข้าไปตรวจสอบและแจ้งให้ประธานคนเก่ามอบหมายงานและรายงานผลการบริหารงานกองทุนหมู่บ้านให้กรรมการและสมาชิกได้ทราบ
ผลปรากฏว่าประธานกองทุนหมู่บ้านฯ (คนเก่า)
ได้นำเงินที่สมาชิกส่งคืนใช้หนี้ให้กองทุนหมู่บ้านนำไปใช้ส่วนตัวเป็นจำนวนเงิน 260,000 บาท (สองแสนหกหมื่นบาทถ้วน)
คงเหลืออยู่ในบัญชีจำนวน 20,000
(สองหมื่นบาทถ้วน) ไม่ได้นำมาลงในบัญชีและได้ยอมรับกับกรรมการกองทุนหมู่บ้าน
กข.คจ. และเจ้าหน้าที่คือ พัฒนาการอำเภอ
และพัฒนากรผู้รับผิดชอบตำบลทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
โดยขอระยะเวลาส่งใช้เงินคืนกับกองทุนหมู่บ้านเป็นเวลา 3 เดือน ที่ประชุมให้โอกาส
เมื่อถึงกำหนดเวลาปรากฏว่าเงียบหายเหมือนเดิม
ประธานคนใหม่จึงเรียกประชุมคณะกรรมการพร้อมเชิญเจ้าหน้าที่มาร่วมด้วยก็ได้มีมติเข้าไปสอบถามเกิดการท้าทายให้ไปฟ้องร้องเอา
คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน กข.คจ. หมู่บ้านจึงได้แต่งตั้งให้ผู้แทนไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ
(โรงพัก)
เรื่องได้ดำเนินไปตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมายมีการเรียกประธานผู้ที่ได้ไปขึ้นชื่อว่า
ยักยอกเงินกองทุนหมู่บ้านไปใช้ส่วนตัว เรื่องได้ดำเนินไปโดยทางตำรวจ
และอัยการได้ให้โอกาสกับประธานกองทุนหมู่บ้านที่เป็นจำเลย ได้นำเงินมาส่งใช้คืน
เรื่องผ่านไปเป็นเวลาเกือบปี ประธานกองทุนหมู่บ้าน (จำเลย) โกหกทุกระดับชั้นจนทางอัยการส่งเรื่องฟ้องศาล
(เพราะให้โอกาสมาหลายครั้งแล้ว) ศาลได้ตัดสินจำคุกพร้อมให้ส่งใช้เงินคืนทั้งหมด
ทำให้กองทุนหมู่บ้านแห่งนี้ได้มีการบริหารงานอย่างต่อเนื่อง ต่อไป
บันทึกขุมความรู้
จากเนื้อเรื่อง
ความรู้ดังกล่าวข้างต้นเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกระดับในการติดตามส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้าน
เพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลและความมั่นคงของทุนชุมชนดังนี้
- การปฏิบัติงานต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบว่าด้วยการบริหารและการใช้จ่ายเงินโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นอย่างดีก่อน
- ต้องติดตามงานอย่างต่อเนื่องให้ความรู้ความเข้าใจกับคณะกรรมการฯ
สมาชิกและประชาชนทั่วไป
- การแก้ไขปัญหามีหลากหลายวิธี ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
- สร้างความ
รักความเป็นเจ้าของเงินทุน กข.คจ. ให้กับประชาชนในหมู่บ้านทุกระดับ
- คณะกรรมการ กข.คจ. ส่วนใหญ่ต้องมีการประชุมทุกเดือน และรายงายผลความก้าวหน้า
หรือปัญหาอุปสรรคให้อำเภอทราบอย่างต่อเนื่อง
แก่นความรู้
ทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน
(กข.คจ.) ได้รับความรู้ความเข้าใจ คือ
- ศึกษาระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยการบริหารและการใช้จ่ายเงินโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ. 2553
- ส่งเสริมขีดสมรรถนะของคณะกรรมการ กข.คจ. หมู่บ้าน ทำให้บริหารงานได้อย่างถูกต้องตามระเบียบฯ
- เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกระดับมีความรู้ความเข้าใจสามารถติดตาม
ส่งเสริม สนับสนุนการทำงานโครงการ กข.คจ.
มีผลงานประสบความสำเร็จตามบทบาทหน้าที่
- คณะกรรมการ กข.คจ. ระดับหมู่บ้าน
และสมาชิกร่วมกันบริหารงานโครงการ กข.คจ. ให้มีประสิทธิภาพ
โครงการ ติดตาม ส่งเสริม สนับสนุน และกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกระดับ
กลยุทธ์ในการทำงาน
-
สร้างความรู้
ความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่และภาคีการพัฒนาให้มีความเชี่ยวชาญการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
- พัฒนาผู้นำชุมชน, คณะกรรมการบริหารงาน
กข.คจ. ระดับหมู่บ้าน เป็นแกนนำเอาชนะความยากจนโดยเป็นแบบอย่างที่ดี
- กำหนดให้ผู้รับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ ได้ติดตาม ส่งเสริม สนับสนุน การบริหารงาน
กข.คจ. อย่างต่อเนื่อง
- แสวงหาภาคีการแก้ไขปัญหาความยากจนร่วมกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการบริหารงานฯ โดยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมทุกขั้นตอน
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านคงได้รับประโยชน์จากการติดตามสนับสนุนการบริหารงานโครงการ
กข.คจ. ระดับหมู่บ้านซึ่งถือได้ว่าเป็นผลทำให้ “คนจนผู้ยิ่งใหญ่”
ได้นำเงินมาบริหารฯ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในหมู่บ้านต่อไป และเป็นส่วนหนึ่งขององค์ความรู้ที่นำมาเผยแพร่เท่านั้นหากมีความสงสัยประการใดโปรดติดต่อสอบถาม
เจ้าของความรู้... นายชูชาติ
เอี่ยมวิจิตร์
ตำแหน่งพัฒนาการอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
(นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ)
สถานที่ติดต่อ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา